แน่นอนว่านี่คือแนวคิดการออกแบบเว็บไซต์ที่กำลังมาแรงในปี 2024:

การโต้ตอบขนาดเล็ก: สิ่งเหล่านี้เป็นภาพเคลื่อนไหวหรือการโต้ตอบเล็กๆ น้อยๆ ที่เพิ่มความน่าพึงพอใจและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ให้กับเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น เอฟเฟกต์โฮเวอร์เล็กๆ น้อยๆ บนปุ่ม หรือไอคอนที่เปลี่ยนสีเมื่อคลิก

ความเรียบง่าย: รูปแบบที่สะอาดตาพร้อมพื้นที่สีขาวจำนวนมากและการเน้นไปที่การนำทางที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยม ช่วยให้เนื้อหาโดดเด่นและทำให้เว็บไซต์ดูทันสมัยและซับซ้อน

ตัวอักษรตัวหนา: แบบอักษรขนาดใหญ่ที่สะดุดตาสามารถเพิ่มบุคลิกและความสนใจให้กับเว็บไซต์ได้ นี่เป็นวิธีที่ดีในการแถลงและดึงดูดความสนใจของผู้ใช้

วิดีโอฮีโร่: วิดีโอที่น่าดึงดูดในส่วนฮีโร่ของเว็บไซต์ของคุณเป็นวิธีที่ดีในการบอกเล่าเรื่องราวของคุณและดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ นี่เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์หรืออุตสาหกรรมภาพ

องค์ประกอบเชิงโต้ตอบ: เว็บไซต์ที่รวมคุณลักษณะเชิงโต้ตอบ เช่น แบบทดสอบ โพล หรือเครื่องคิดเลข สามารถมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้น และทำให้ผู้เยี่ยมชมกลับมาดูอีก

ภาพประกอบที่กำหนดเอง: การใช้ภาพประกอบที่กำหนดเองสามารถเพิ่มบุคลิกและเอกลักษณ์ให้กับเว็บไซต์ของคุณได้ สิ่งนี้สามารถช่วยให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นจากคู่แข่งได้

ความโหดร้าย: เทรนด์การออกแบบนี้คือการหวนกลับไปสู่ยุคแรกๆ ของเว็บ โดยมุ่งเน้นไปที่ฟังก์ชันการทำงานแบบดิบๆ และการปฏิเสธความสวยงามของการออกแบบแบบดั้งเดิม ความโหดร้ายอาจเป็นทางเลือกที่ชัดเจนสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการสร้างความโดดเด่นและโดดเด่นจากเว็บไซต์อื่นๆ

โหมดมืด: เว็บไซต์โหมดมืดนั้นง่ายต่อการมองเห็นและสามารถสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดื่มด่ำยิ่งขึ้น นี่เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเว็บไซต์ที่เน้นเนื้อหาหรือการเล่าเรื่อง

โปรดจำไว้ว่า การออกแบบเว็บไซต์ที่ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์ของคุณจะขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายและเป้าหมายของคุณ อย่าลืมคำนึงถึงสิ่งที่จะโดนใจผู้ใช้ของคุณ และสร้างเว็บไซต์ที่ทั้งดึงดูดสายตาและใช้งานง่าย

การออกแบบเว็บไซต์มอบสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับบุคคลและธุรกิจ ข้อดีที่สำคัญของการออกแบบเว็บ

1.ความประทับใจแรก คือ

-ความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ: เว็บไซต์ที่ได้รับการออกแบบอย่างดีจะสร้างความประทับใจเชิงบวกและสร้างความไว้วางใจกับผู้เยี่ยมชมได้ในทันที พวกเขามองว่าแบรนด์ของคุณเป็นมืออาชีพ เชื่อถือได้ และทันสมัย

-เอกลักษณ์ของแบรนด์: เว็บไซต์ของคุณคือหน้าร้านออนไลน์ ซึ่งสะท้อนถึงบุคลิกและคุณค่าของแบรนด์ การออกแบบที่ดีช่วยตอกย้ำข้อความของแบรนด์และเสริมสร้างการจดจำ

2.ประสบการณ์ผู้ใช้

-การมีส่วนร่วมและการนำทาง: เว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายนั้นใช้งานง่าย ใช้งานง่าย และสนุกสนานในการใช้งาน สิ่งนี้ทำให้ผู้เยี่ยมชมมีส่วนร่วม สำรวจเนื้อหาเพิ่มเติม และดำเนินการตามที่ต้องการในท้ายที่สุด

-การตอบสนองบนมือถือ: ในโลกที่เน้นอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นอันดับแรกในปัจจุบัน การออกแบบที่ตอบสนองช่วยให้มั่นใจในการรับชมและการโต้ตอบที่ราบรื่นในทุกอุปกรณ์ ตั้งแต่เดสก์ท็อปไปจนถึงสมาร์ทโฟน

-การเข้าถึง: การออกแบบที่ครอบคลุมคำนึงถึงการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ที่มีความพิการ ขยายการเข้าถึงของคุณและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์

3.การตลาดและการแปลง

-การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO): การออกแบบเว็บไซต์ที่ดีผสมผสานแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของ SEO เข้าด้วยกัน ปรับปรุงอันดับของคุณในผลการค้นหา และดึงดูดปริมาณการเข้าชมทั่วไป

-การสร้างลูกค้าเป้าหมายและการขาย: คำกระตุ้นการตัดสินใจ แบบฟอร์ม และแลนดิ้งเพจที่ชัดเจนจะเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็นลูกค้าเป้าหมายและลูกค้า ขับเคลื่อนเป้าหมายทางการตลาดและการขายของคุณ

-การตลาดที่คุ้มต้นทุน: เมื่อเปรียบเทียบกับการโฆษณาแบบเดิมๆ เว็บไซต์ที่ได้รับการออกแบบอย่างดีนำเสนอวิธีที่ยั่งยืนและคุ้มค่าในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณ

4.สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม

-ข้อมูลเชิงลึก: การวิเคราะห์เว็บไซต์ให้ข้อมูลที่มีคุณค่าเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้ ความชอบ และอัตราคอนเวอร์ชัน เพื่อแจ้งการออกแบบในอนาคตและการตัดสินใจทางการตลาด

-ความได้เปรียบทางการแข่งขัน: เว็บไซต์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง แสดงความเป็นมืออาชีพและความมุ่งมั่นต่อประสบการณ์ผู้ใช้

-ความสามารถในการปรับขนาด: เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างที่ดีสามารถปรับตัวและเติบโตได้เมื่อธุรกิจของคุณพัฒนาขึ้น โดยรองรับเนื้อหาและฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ

โปรดจำไว้ว่าประโยชน์เฉพาะของการออกแบบเว็บไซต์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายส่วนบุคคลของคุณ อย่างไรก็ตาม ด้วยการลงทุนในเว็บไซต์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี คุณจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนจำนวนมาก เพิ่มการนำเสนอตัวตนในโลกออนไลน์ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ และประสบการณ์ผู้ใช้

การทำเว็บไซต์ออนไลน์เป็นที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือบุคคลทั่วไปก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตนเองได้ ซึ่งสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการทำเว็บไซต์ออนไลน์ก็คือการออกแบบเว็บไซต์นั่นเอง ในบทความนี้จึงได้รวบรวมเทคนิคการออกแบบเว็บไซต์ให้สวยโดนใจ ที่จะทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้งานร้องว้าว!

1. เรียบง่าย แต่สื่อสาร

เว็บไซต์ที่เรียบง่าย การนำเสนอไม่รกจนเกินไป และสามารถสื่อสารกับผู้ที่เข้ามาใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยเลือกนำเสนอเพียงแค่สิ่งที่ต้องการนำเสนอ เพื่อให้เนื้อหามีความกระชับ เข้าใจง่าย ตรงประเด็น ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2. เลือกใช้รูปภาพน่าสนใจ ดึงดูด

รูปภาพเป็นสิ่งที่สามารถสื่อสิ่งต่างๆ ได้มากมาย คุณสามารถใช้ได้ทั้งรูปภาพของตนเองรวมไปถึงรูปภาพจากเว็บฟรีได้ นอกจากนี้คุณยังควรเลือกใช้รูปภาพที่เหมาะสมและสอดคล้องกับเนื้อหาบนเว็บไซต์เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังสามารถช่วยเพิ่มอรรถรสให้แก่ผู้ใช้งานได้อีกด้วย

3. เนื้อหาในเว็บอ่านง่าย

ถึงแม้เนื้อหาบนเว็บของคุณจะดีสักเพียงใด แต่หากผู้อ่านไม่เข้าใจในเนื้อหาก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ดังนั้นการจัดเนื้อหาในเว็บไซต์ เช่น การเว้นวรรค การสะกดคำที่ถูกต้อง ภาษาเข้าใจง่าย ตรงประเด็น ขนาดและฟอนต์อ่านง่าย รวมถึงมีความสม่ำเสมอของโทนสีและฟอนต์ จึงเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

4. มีข้อมูลชัดเจน

หากคุณทำเว็บขายสินค้าและบริการ ควรมีข้อมูลของสินค้ารวมถึงข้อมูลของผู้ขายอย่างชัดเจนครบถ้วน เช่น สรรพคุณของสินค้า ช่องทางการติดต่อผู้ขายกรณีมีข้อสงสัย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ และทำให้ผู้ใช้งานได้รับบริการที่ตรงต่อความต้องการมากที่สุด

5. อัตราส่วนพอดี

ส่วนใหญ่แล้วผู้ใช้งานเว็บไซต์มักใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากสะดวกต่อการพกพา และยังใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้นคุณจึงควรออกแบบเว็บไซต์ให้มีอัตราส่วนที่พอดีเมื่อเข้าใช้งานผ่านทางโทรศัพท์มือถือ

6. โทนสีเหมาะสม

โทนสีจะช่วยสร้างอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป เช่น สีแดงให้ความรู้สึกกระตือรือร้น สีส้มให้ความรู้สึกอบอุ่น สีเขียวให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นต้น คุณจึงควรเลือกใช้โทนสีให้เหมาะสม หรืออาจใช้คู่สีตรงข้ามเพื่อให้เกิดความสมดุลมากยิ่งขึ้น

หลายคนเชื่อว่าเว็บไซต์ที่ดีคือเว็บที่ถูกใจและตอบโจทย์การใช้งาน ทำให้การออกแบบเว็บไซต์มักเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป แต่รู้หรือไม่ว่าหน้าเว็บไซต์ที่มีความสวยงามก็เป็นส่วนช่วยดึงดูดให้ผู้เยี่ยมชมอยากท่องบนเว็บไซต์ของคุณ และอาจช่วยเพิ่มโอกาส เช่น เพิ่มยอดการขายออนไลน์ให้กับบริษัท เพิ่มโอกาสให้มีคนรู้จักบริษัทของคุณมากยิ่งขึ้น ได้อีกด้วย

ในปี 2023 เทรนด์การออกแบบเว็บไซต์มีแนวโน้มที่จะพัฒนาและปรับให้เข้ากับภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความชอบของผู้ใช้ แม้ว่าความชอบด้านการออกแบบอาจแตกต่างกันไป

Minimalism with Depth: หลักการออกแบบ

Minimalism เช่น การจัดวางที่สะอาดตา พื้นที่สีขาวที่กว้างขวาง และการนำทางที่เรียบง่าย มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มความลึกและความน่าสนใจให้กับภาพ นักออกแบบอาจรวมการไล่ระดับสีแบบละเอียด เงา และองค์ประกอบที่ทับซ้อนกัน

โหมดมืด

การออกแบบโหมดมืดได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะยังคงได้รับความนิยมต่อไปในปี 2566 พื้นหลังสีเข้มไม่เพียงแต่ให้รูปลักษณ์ที่หรูหราและทันสมัยเท่านั้น แต่ยังปรับปรุงการมองเห็นเนื้อหาและลดอาการปวดตาอีกด้วย

การโต้ตอบแบบไมโคร

การโต้ตอบแบบไมโครหมายถึงภาพเคลื่อนไหวหรือการตอบสนองขนาดเล็กที่ละเอียดอ่อนซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้ใช้ การโต้ตอบเหล่านี้สามารถให้ข้อเสนอแนะ แนะนำผู้ใช้ และเพิ่มองค์ประกอบที่น่าพึงพอใจให้กับประสบการณ์การท่องเว็บ ตัวอย่าง ได้แก่ เอฟเฟ็กต์การเลื่อนปุ่ม การโหลดภาพเคลื่อนไหว หรือการแจ้งเตือน

ส่วนต่อประสานผู้ใช้ด้วยเสียง (VUI)

ด้วยการเพิ่มขึ้นของผู้ช่วยเสียงและลำโพงอัจฉริยะ การรวมส่วนต่อประสานผู้ใช้ด้วยเสียงเข้ากับเว็บไซต์สามารถมอบประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและใช้งานง่าย การออกแบบโดยคำนึงถึงคำสั่งเสียงสามารถทำให้การโต้ตอบของผู้ใช้ง่ายขึ้นและทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น

สีและการไล่ระดับสีที่โดดเด่น

การเลือกสีที่สดใสและเป็นตัวหนาสามารถช่วยดึงดูดความสนใจและกระตุ้นอารมณ์ได้ พื้นหลังแบบไล่ระดับสีและการเปลี่ยนสีสามารถเพิ่มความลึกและความน่าสนใจให้กับองค์ประกอบของเว็บไซต์ เช่น ปุ่ม ส่วนหัว หรือพื้นหลัง

ภาพประกอบและเอนิเมชันที่กำหนดเอง

ภาพประกอบที่วาดด้วยมือที่ไม่ซ้ำใครสามารถใส่บุคลิกภาพลงในเว็บไซต์ได้ เอนิเมชันแบบกำหนดเอง ไม่ว่าจะละเอียดหรือซับซ้อน สามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและดึงดูดผู้ใช้ได้

ความยั่งยืนและการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในขณะที่จิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมเติบโตอย่างต่อเนื่อง การผสมผสานหลักการออกแบบที่ยั่งยืนสามารถดึงดูดผู้ใช้ได้ ซึ่งอาจรวมถึงการใช้สีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การปรับให้เหมาะสมสำหรับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการส่งเสริมการปฏิบัติที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

การช่วยสำหรับการเข้าถึง

การออกแบบโดยคำนึงถึงการช่วยสำหรับการเข้าถึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เว็บไซต์ควรรวมไว้ซึ่งความเปรียบต่างของสีที่เหมาะสม ข้อความทางเลือกสำหรับรูปภาพ และการนำทางด้วยแป้นพิมพ์ การจัดลำดับความสำคัญของการช่วยสำหรับการเข้าถึงไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์แก่ผู้ใช้ที่มีความทุพพลภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้โดยรวมอีกด้วย

โปรดจำไว้ว่าเทรนด์การออกแบบสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และสิ่งสำคัญคือต้องปรับให้เข้ากับแบรนด์ ผู้ชม และอุตสาหกรรมเฉพาะของคุณ การจับตาดูแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่และการตั้งค่าของผู้ใช้จะช่วยให้คุณติดตามการออกแบบเว็บไซต์ที่น่าสนใจในปี 2023

เว็บไซต์นั้นหากมีแต่หน้าตาเว็บที่ดูสวยแต่กลับใช้งานยากก็คงจะไม่ดีสักเท่าไหร่ สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญเลยก็คือ การใช้งานเว็บไซต์นั้นจะต้องใช้งานได้ง่าย ไม่ใช่ว่าผู้ใช้งานเข้ามาในหน้าเว็บแล้ว อยากจะกดไปดูข้อมูลอย่างอื่นที่มีความใกล้เคียงก็ไม่รู้จะไปกดดูตรงไหน ดังนั้นบทความนี้จึงได้รวบรวมเทคนิคพื้นฐานที่คุณจะต้องทำหากต้องการให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานได้ง่ายมากขึ้น

การออกแบบเว็บให้ใช้งานง่าย มีองค์ประกอบดังนี้

มีแถบ Navigation Bar
แถบเมนูต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณด้านบนของเว็บไซต์นั่นแหละคือ Navigation Bar มีประโยชน์สำหรับใช้เป็นที่แบ่งหมวดหมู่ต่าง ๆ ของบทความ และทำเป็นหน้าสำหรับติดต่อเจ้าของเว็บไซต์ การที่มีข้อมูลในส่วนนี้ทำให้ผู้เข้ามาใช้งานเข้าใจเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นว่าเป็นเว็บเกี่ยวกับอะไร หากคุณไม่มีตรงส่วนนี้ปล่อยไว้โล่งๆแล้วนำบทความไปกองไว้ตรงไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้ทำให้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน ผู้ใช้งานก็จะค้นหาบทความที่เขาสนใจได้ยาก

มีลิงก์ภายใน ( Internal Link )
ลิงก์ภายในคือข้อความต่างๆที่แทรกในบทความ แล้วเราทำให้ข้อความนั้นสามารถคลิกเพื่อไปสู่บทความอื่น ๆ ได้ ประโยชน์ของลิงก์ภายในนั้นมีดังนี้
เชื่อมโยงบทความที่คล้ายกันภายในเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถคลิกไปดูบทความนั้นๆได้
เป็นประโยชน์ต่อ SEO ทำให้เสิร์ชเอนจินต่างๆ เช่น Google, Bing, Yahoo ฯลฯ เข้าใจเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น ทำให้อันดับภายในเว็บไซต์ของคุณปรับปรุงไปในทางที่ดี

ปรับปรุงหน้าโฮมเพจ
โฮมเพจ ( Homepage ) ก็คือหน้าแรกของเว็บไซต์ บทความที่สำคัญต่างๆที่คุณต้องการให้ผู้ใช้งานเห็นเยอะๆ ควรที่จะอยู่หน้าโฮมเพจ โดยให้คุณออกแบบรูปให้ดูโดดเด่น พร้อมมีข้อความอธิบายรายละเอียดของรูป จากนั้นทำลิ้งภายในเชื่อมโยงจากหน้าโฮมเพจเข้าไปหาบทความนั้นๆ ก็จะทำให้ผู้ใช้งานเห็นบทความของคุณได้ง่ายในกรณีที่เขาคลิกมาดูที่หน้าโฮมเพจนั่นเอง

มีบทความที่อ่านได้ง่าย
บนความต่าง ๆ ที่คุณโพสต์ลงไปในเว็บไซต์นั้นจะต้องอ่านง่าย มีการแบ่งหัวข้ออย่างชัดเจน หากคุณเขียนบทความติดกันยาวเหยียดโดยไม่มีการแบ่งหัวข้อ ผู้ใช้งานก็จะอ่านยาก และมีโอกาสสูงที่จะปิดหน้าเว็บของคุณหนี ดังนั้นบทความควรจะมีหัวข้อหลัก หัวข้อย่อยที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้งานอ่านได้ง่ายนั่นเอง

เว็บไซต์ต้องโหลดเร็ว
เว็บของคุณนั้นหากผู้ใช้งานเปิดหน้าเว็บเข้ามาแล้วจะต้องมีการโหลดหน้าเว็บอย่างรวดเร็ว ถ้าเกิน 15 วินาที ก็ถือว่าช้าแล้ว ในยุคปัจจุบันมีเว็บไซต์เยอะแยะมากมายที่พร้อมจะเสิร์ฟข้อมูลให้แก่เขา ดังนั้นหากเว็บของคุณโหลดช้าผู้ใช้งานก็จะปิดหน้าเว็บหนี แล้วไปคลิกที่เว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อหาข้อมูลแทน

เว็บไซต์ที่ดีนั้นจะต้องใช้งานได้ง่ายและมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน หากทำได้แบบนี้เว็บคุณก็มีโอกาสที่จะมีคนรู้จักมากคุณ และสามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ในรูปแบบต่าง ๆ ในอนาคต

ยุคสมัยนี้การจะสร้างเว็บไซต์เอาไว้ใช้ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตามแต่ ต่างล้วนไม่ใช่เรื่องยากที่ตัวเราเองคนเดียวจะไม่สามารถทำได้ เพราะปัจจุบันนี้มีบริษัทหลากหลายเจ้าที่ได้มีการพัฒนาโปรแกรม ออกแบบเว็บ เพื่อไม่ว่าใครที่ต้องการอยากมีเว็บไซต์เป็นของตนเองสามารถที่จะทำได้เลยแบบง่ายๆ และยังสามารถเลือกได้ว่าจะทำในรูปแบบเสียตังค์หรือเน้นสายฟรีกันอีกด้วย ซึ่งบทความในวันนี้เราจะมาชี้เป้ากันว่า 4 โปรแกรมเหล่านั้นที่เหมาะกับคนมือใหม่จะมีเจ้าไหนน่าสนใจกันบ้าง

4 โปรแกรมสำหรับมือใหม่หัดทำเว็บ

1. Word Presss
ยืนพื้นอยู่เป็นอันดับแรกกันเลยกับโปรแกรม ออกแบบเว็บ ที่เชื่อว่านี่คือโปรแกรมแรกๆ ของคนที่เคยผ่านการสร้างเว็บไซต์ด้วยตนเองย่อมต้องเคยทำมาก่อนกับโปรแกรม Word Presss ซึ่งด้วยความที่โปรแกรมตัวนี้มีคนใช้งานอยู่เกือบทั่วทุกมุมโลกใช้งานง่ายพร้อมกับมักจะมีนักพัฒนา Theme บวกปลั๊กอินคอยสร้างฟังก์ชั่นต่าง ๆ อยู่เสมอตลอดเวลาจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจหาก Word Presss จะกลายมาเป็นโปรแกรม ออกแบบเว็บ ที่ได้รับความนิยมมาอย่างช้านานแถมยังรองรับ SEO ด้วย

2. Wix
ลำดับถัดมากับโปรแกรม ออกแบบเว็บ ที่เหมาะสำหรับมือใหม่เป็นอย่างมากนั่นก็คือ Wix อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะวิธีใช้งานในการออกแบบก็มีเพียงการทำแบบ Drag and Drop หรือแค่การลาก ๆ วาง ๆ เพียงเท่านั้นและที่สำคัญยังมีเทมเพลทสวย ๆ ให้เลือกใช้เยอะมาก แต่มีข้อเสียนั่นก็คือไม่สามารถรองรับการทำ SEO แต่หากใครที่ไม่ได้เน้นก็สามารถใช้ได้แบบยาวๆ

3. Weebly
อีกหนึ่งโปรแกรมที่ค่อนข้างจะได้รับความนิยมพอสมควรในการ ออกแบบเว็บ ก็ต้องโปรแกรมนี้เลยกับ Weebly ที่ถือว่าอยู่มานมนานมาก ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ชอบใช้งานโปรแกรม Weebly มักจะมีความเน้นไปเรื่องเป็นเว็บขายของออนไลน์ ทำธุรกิจ แน่นอนว่าสามารถรองรับการทำ SEO และยังเป็นแบบ Responsive รองรับในทุก ๆ การแสดงผลหน้าจอได้เป็นอย่างดีอีกด้วยนะ

4. Squarespace
มาถึงลำดับสุดท้ายกับโปรแกรม ออกแบบเว็บ ที่มีชื่อว่า Squarespace โดยได้รับการขนานนามมาตลอดว่าสามารถใช้เล่นได้ง่ายกว่า Word Presss เป็นอย่างมากอีกทั้งยังมีเทมเพลตที่ดูสวยงามเรียบหรูเหมาะอย่างยิ่งกับเว็บไซต์ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับดีไซเนอร์, ช่างภาพ หรือศิลปินที่ต้องการเอาไว้โชว์ Portfolio เจ๋ง ๆ ใครที่กำลังมาทางสายนี้อยู่ต้องลองใช้โปรแกรมออกแบบนี้กันดูเลย

และนี่ก็คือ 4 อันดับโปรแกรม ออกแบบเว็บ ที่เราหยิบมานำเสนอกันในวันนี้ ใครบอกว่าการออกแบบเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ยาก หากคุณได้รู้จักและลองใช้โปรแกรมเหล่านี้บอกได้เลยว่าไม่มีอะไรที่ยากเกินมือเราและความสามารถเราอย่างแน่นอน